อยู่ดี ๆ เกิดอาการอยากดื่มชาเย็นมาก ๆ นึกถึงชาเย็นเเบบไทย ๆ ใส่นม น้ำตาลน้อย ๆ ชอบเเบบมัน ๆ มากกว่าหวาน ๆ เติมน้ำเเข็งลงไปเย็น ๆ โห ชื่นใจ พอดีพี่ชายคิ้วต่ำของเรากลับไทย เลยฝากซื้อชาไทยซะหน่อย เเต่ต้องกำชับพร้อมมีรูปถ่ายว่าเอายี่ห้อนี้นะ เค้าบอกมาว่าหอมอร่อย เลยได้มาเป็นกระปุกเลย เดี๋ยวนี้สินค้าไทยพัฒนาไปเยอะ ชาไทยก็ทำเเบบพร้อมชงเป็นซอง ๆ ไม่ต้องมานั่งกรอง สะดวกดี
ชาไทยตรามือ
อานิสงค์ของการชงชาเย็นก็เลยได้เค้กชาไทยเเถมมาด้วย เเต่กว่าจะได้เค้กนี้ก็เล่นเอาเหงื่อตก เหตุเพราะตอนทำสติสตังไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัว กว่าจะทำเค้กนี้เสร็จก็หมดไข่ไปหมดบ้าน เพราะว่าผสมไข่ขาวกับน้ำมันพืชสลับกันซะสองสามรอบ ประสบการณ์นี้สอนให้รู้ว่า ถ้ารู้ตัวว่าไม่มีสติอย่าทำต่อเพราะว่าจะหมดตังค์ เอวัง
เนื้อเค้กที่เเหม่มเลือกทำเป็นสูตรชิฟฟ่อนเค้กเเบบเดียวกับชิฟฟ่อนเค้กชาเขียวที่เคยทำ เเต่เปลี่ยนจากชาเขียวเป็นชาไทย ส่วนชาไทยราดหน้าเค้กใช้สูตรของเเม่สลิ่มเค้กชาไทยหน้านิ่มค่ะ เเหม่มลดน้ำตาลลงนิดหน่อยเพราะว่าส่วนของชาไทยที่ราดหน้าเค้กหวานมาก เลยลดปริมาณน้ำตาลในตัวเค้กลงนิดหน่อยค่ะ
สูตรชิฟฟ่อนชาไทย (เต็มสูตรสำหรับพิมพ์ 18 cm ค่ะ)
1. ไข่ไก่.................................................. 4 ฟอง (เเยกไข่เเดงเเละไข่ขาว)
2. น้ำตาลป่น ส่วนที่หนึ่ง........................... 40 กรัม
3. น้ำตาลป่น ส่วนที่สอง........................... 70 กรัม
4. น้ำมันคาโนล่า..................................... 60 มิลลิลิตร
5. ผงชาไทย 2 ช้อนโต๊ะ ชงกับน้ำร้อน เเล้วตวงให้ได้น้ำชาไทยประมาณ 50 มิลลิลิตร (ขอเเบบเข้ม ๆ ค่ะ) ุ
6. เเป้งเค้ก............................................ 100 กรัม
7. เบกกิ้งโซดา....................................... 1 ช้อนชา
8. เกลือ................................................. 1 ช้อนชา
ขั้นตอนที่หนึ่ง
ชาไทยชงเเบบเข้ม ๆ เลยนะคะ
ร่อนเเป้ง เกลือป่น เบคกิ้งโซดา รวมกันประมาณสองรอบพักเอาไว้ก่อน ตีไข่เเดงให้เข้ากัน ผสมน้ำชาไทย (ที่เย็น) เเละน้ำมันลงในส่วนของไข่เเดง คนส่วนผสมให้เข้ากัน ผสมน้ำตาลป่นส่วนที่หนึ่งลงในส่วนผสมของแป้ง ผสมให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลาง เทส่วนผสมของไข่ลงในส่วนผสมของเเป้ง ผสมให้เข้ากัน
ขั้นตอนที่สอง
ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟองเล็กน้ัอย ทะยอยเติมน้ำตาลส่วนที่สอง ตีต่อด้วยความเร็วสูงจนได้ firm peak คือไข่ขาวเลยจุดตั้งยอดอ่อน เเต่ยังไม่ตั้งยอดเเข็ง (เมื่อตั้งยอดอ่อนตีต่ออีกเเป๊บนึง ก่อนตั้งยอดเเข็งค่ะ) ตีต่อด้วยความเร็วต่ำเพื่อตัดฟองอากาศหนึ่งนาที
เเบ่งส่วนผสมของไข่ขาวประมาณสามส่วน ค่อย ๆ ทะยอยใส่ในส่วนผสมของไข่เเดง ค่อย ๆ ตะล่อมอย่างเบามือ
อบที่ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-35 นาที วิธีเชคว่าเค้กสุกเเล้ว ก็เเค่เอานิ้วลองกด เนื้อเค้กจะสปริงตัวกลับค่ะ
ส่วนของชาไทยที่เอาไว้ราดหน้าเค้ก (สูตรจากคุณจุ๋ม เเม่สลิ่มค่ะ)
(ส่วนที่ 1)
ผงวุ้น...................... 3/4 ช้อนชา
วิธีการตวงคือ 1/2 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา ผงชาไทยที่เหลือจากชงสำหรับทำตัวเค้กเมื่อกี้ และใส่เพิ่มไปอีก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อนจัด............... 1 ถ้วยตวงของเหลว
นมสด.................... 100 กรัม
น้ำตาลทราย ..........100 กรัม
วิปปิ้งครีม............... 150 กรัม
(ส่วนที่ 2)
แป้งข้าวโพด............ 30 กรัม
นมข้นจืด ................110 กรัม
(ส่วนที่ 3)
เนยสด (รสจืด)........ 100 กรัม
ต้มน้ำร้อนจัด 1 ถ้วยตวง แล้วเอาผงชาไทยที่เหลือจากการทำตัวเค้กเมื่อกี้ใส่ชามหรือภาชนะอะไรก็ได้ ตามด้วยผงชาไทยเพิ่มไปอีกประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำร้อนจัดลงไป ทิ้งให้ผงชาออกสีและกลิ่นจัด ๆ ชั่งให้ได้ 150 กรัม เเหม่มตวงชาไทยใส่กะทะเทฟล่อนที่เอาไว้ทอดเลยค่ะ ตามด้วยส่วนผสมที่เหลือของส่วนที่ 1 นะคะ ผงวุ้น นมสด น้ำตาลทราย วิปปิ้งครีม คนรวมให้เข้ากัน
ส่วนที่ 2 ผสมนมข้นจืดและแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน เเหม่มใส่ถุงพลาสติกเเล้วเขย่าให้เข้ากัน ผสมอย่าให้แป้งเป็นก้อน ตอนเเรกหานมข้นจืดไม่ได้ค่ะ เพราะไม่รู้ว่าหน้าตาของที่นี่เป็นอย่างไร สุดท้ายก็หาเจอจนได้วางขายใกล้ ๆ กับนมข้นหวาน ที่นี่นมข้นหวานเอามาจิ้มทานกับสตอเบอร์รี่ อร่อยดีค่ะ เนยสดหั่นชิ้นเล็ก ๆ ไว้นะคะ
นำหม้อชาไทยและส่วนผสมที่เราเทรวมกันไว้ตั้งไฟ ใช้ไฟกลาง ๆ ค่ะ คุณจุ๋มอธิบายเอาไว้ว่าผงวุ้นจะละลายได้ดีในน้ำเดือดจัดไฟแรง ไม่อย่างนั้นผงวุ้นละลายไม่หมดจะเห็นเป็นเกล็ด ๆ และมีผลต่อการเซ็ทตัวของหน้าขนม แต่หากใช้ไฟแรงไปเดี๋ยวจะไหม้เสียก่อน ใช้ไฟกลาง ๆ เเละใช้ตะกร้อมือคน ๆ ตลอดให้เดือดสักพัก อย่าเทแป้งข้าวโพดที่ผสมกับนมข้นจืดลงไปขณะเดือดนะคะ (ไม่อย่างนั้นเเป้งสุกเป็นก้อนเเน่ค่ะ)
พอเดือดสักพัก ให้ลดไฟลง รอส่วนผสมอุ่น (ไม่ร้อนจนเดือด) จึงค่อยเทแป้งข้าวโพดที่ผสมกับนมข้นจืดไว้ (เขย่าถุงอีกครั้งก่อนเท) แล้วคนให้เข้ากัน ค่อยเปิดไฟต่อ
ตอนนี้ให้ใช้ไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ ส่วนผสมจะเริ่มข้นขึ้น อย่าใช้ไฟแรงไม่อย่างนั้นไหม้เเน่นอนค่ะ คนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมข้นหนืด เริ่มเห็นรอยตะกร้อมือในหม้อ ยกลงจากเตา ใส่เนยสดค่ะ คน ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมเย็นลง รอยตะกร้อมือจะชัดขึ้น ส่วนผสมจะข้นขึ้น ราดแล้วหน้าเค้กจะไม่ไหลเลอะเทอะ เวลาคนให้คนช้า ๆ เพื่อไม่ให้อากาศเข้ามาก หากคนเร็วอากาศจะเข้ามาก ทำให้หน้าเค้กมีฟองอากาศค่ะ (เทคนิคจากคุณจุ๋มค่ะ)
ส่วนผสมเริ่มข้น เห็นรอยตะกร้อมือค่ะ
จากนั้นเตรียมตัวนำไปราดเค้กค่ะ สไลด์เค้กออกเป็นสามชั้นค่ะ วางเค้กลงบนแผ่นรองเค้ก และวางบนก้นถาดหรือภาชนะแบน ๆ อีกที ราดเค้กชั้นเเรกลงไปก่อน จากนั้นวางเค้กชั้นที่ 2 ลงไป ราดทับอีกครั้ง วางเค้กชั้นสุดท้ายลงไป ส่วนที่เหลือทั้งหมด ราดด้านบนและเอียงให้ไหลลงมาที่ขอบเค้กค่ะ กระแทกเบา ๆ อย่าเเรง เสร็จเเล้วก็เอาใส่ตู้เย็นทิ้งเอาไว้เพื่อให้เซทตัว
กว่าจะทำเค้กก้อนนี้เสร็จเล่นเอาเหงื่อตก เพราะว่าส่วนผสมเททิ้งเยอะมาก ๆๆๆๆ เนื่องจากอาการไร้สติจากที่บอกข้างต้น พอมาถึงตอนราดเค้ก เเหม่มทำได้เลอะเทอะมาก (แอบฮา) เค้กนี้เอาไปให้น้อง ๆ ที่เเลบลองชิม เพราะเด็ก ๆ บอกไม่เคยลองชาไทยมาก่อน คนชิมชมว่าอร่อยมาก คนทำก็ยิ้มเเก้มปริค่ะ สรุปเค้กนี้อร่อย หอมชาไทยมาก ๆ